ประกันรถยนต์มีหลายประเภทให้คุณเลือก การตัดสินใจในการซื้อหรือต่อประกันรถยนต์ใหม่ เราควรพิจารณาไลฟ์สไตล์การใช้รถของเราอีกด้วย เพื่อให้ได้การคุ้มครองที่เหมาะสมและไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยที่เกินไป เพราะฉะนั้นวันนี้เราเลยเตรียมข้อมูลมาให้คุณทั้งความคุ้มครองประกันแต่ละประเภท เพื่อให้คุณได้เลือกว่าควรทำประกันรูปแบบไหนดี
- ประกันชั้น 1
ประกันรถยนต์ชั้น 1 เหมาะกับคนที่ต้องการรับความคุ้มครองที่ครอบคลุมสำหรับอุบัติเหตุทั้งที่เป็นคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี รวมถึงความคุ้มครองสำหรับความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยเอง โดยรวมคุ้มครองหลายเหตุกว่าประกันรถยนต์ชั้นอื่น ๆ ซึ่งเป็นเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการความคุ้มครองครอบคลุมและพร้อมจ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงขึ้นในแต่ละปีในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
- ประกันรถยนต์ชั้น 2+ กับ ประกันรถยนต์ชั้น 2
ประกันรถยนต์ ชั้น 2+ เหมาะสำหรับคนที่มีความมั่นใจในการขับขี่รถยนต์อย่างคมชัด หรือมีทักษะขับรถเก่ง รู้จักเส้นทางที่ใช้บ่อย และมีความมั่นใจว่าไม่มีอุบัติเหตุรถชนรถในอนาคต หรือคนที่มีบ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมหรืออุบัติเหตุพายุ หรือคนที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน แต่ยังคงต้องการรับความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 1
ส่วนประกันรถยนต์ชั้น 2 เหมาะสำหรับคนที่ไม่ใช้รถยนต์บ่อย ใช้รถนานๆ ครั้งแรกที่ขับรถออกมาหรือขับรถในบริเวณใกล้เคียงบ้าน รู้จักเส้นทางในบริเวณที่บ่อยที่ขับรถอยู่ และมีวินัยในการขับรถที่ดี และไม่ค่อยมีความรับผิดชอบความคุ้มครองรถยนต์ของตนเองมากนัก เนื่องจากความคุ้มครองรถยนต์น้อยที่นั่นคือคุณภาพประกันที่เคยได้รับไม่มีมาตรฐานสูงเท่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ในประกันรถยนต์ชั้น 2 มีความคุ้มครองเพียงบางอย่างเท่านั้น และไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันในกรณีรถยนต์ของผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด ยกเว้นว่ามีคู่กรณีเท่านั้น ซึ่งแสดงว่าไม่คุ้มค่าเลยสำหรับคนที่ขับรถชนบ่อย แต่ไม่มีความคุ้มครองรถยนต์เอง
- ประกันรถยนต์ชั้น 3+ กับ ประกันรถยนต์ชั้น 3
ประกันรถยนต์ชั้น 3 กับ ประกันรถยนต์ชั้น 3 + เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคุ้มครองในเรื่องความเสียหายต่อรถยนต์ของคู่กรณีหรือบุคคลภายนอก และไม่ค่อยใช้รถบ่อยหรือไม่ค่อยขับรถที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์ชั้น 3 จะไม่คุ้มครองรถยนต์ของเราเอง ไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ แต่จะคุ้มครองเฉพาะทรัพย์สิน, ความเสียหายต่อคู่กรณีหรือบุคคลภายนอกเท่านั้น ดังนั้นมันเหมาะสำหรับคนที่อาจมีความมั่นใจมากกับความรับผิดชอบความคุ้มครองของรถยนต์ของตนเองหรือต้องการความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและเสียหายต่อคู่กรณีหรือบุคคลภายนอกโดยไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุบ่อย และเนื่องจากประกันรถยนต์ชั้น 3 ไม่คุ้มครองรถยนต์ของเราเอง ความคุ้มครองที่ได้จะมีค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าชั้นประกันรถยนต์ชั้น 1 และ 2